Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Love Story โรแมนติคดราม่า ยุคปี 1970


ขอแนะนำภาพยนตร์รัก ลิฟ สตอรี่ ( Love Story )เลิฟ สตอรี่ เป็นหนังรักแนว โรแมนติคดราม่า ยุคปี 1970 
เขียนบทโดย Erich Segal 
และกำกับการแสดงโดย Arthur Hiller
นำแสดงโดย ไรอัน โอนีล 
( Ryan O'Neal ) และ อาลี่ แมคกรอ 
( Ali MacGraw ) 
“ จะเอ่ยคำใดเกี่ยวกับหญิงสาวที่เพิ่งจากผมไป บอกว่าเธอทั้งสวย ทั้งฉลาดหรือบอกว่าเธอรักโมสาร์ทและบั๊ค  รักเดอะบีทเทิลส์  และเธอรักผม ”
ประโยคในหนังโรแมนติกดราม่า Love Story ที่บอกผ่านความในใจของชายหนุ่ม

ในวันที่หิมะตกหนัก  เสียงเพรียกหาความทรงจำระหว่างเขาและเธอ
ยังคงดังก้องอยู่ในใจ ไร้ซึ่งผู้ใดได้ยิน
เรื่องราวความหลังที่ปกคลุมประโยคข้างต้นนั้น เป็นภาพความรักของ


เจนนิเฟอร์ คาวิลเลอรี่ (อาลี แม็คกรอว์)  นักศึกษาสาวเอกดนตรี เธอทำหน้าที่บรรณารักษ์ห้องสมุดแร้ดคลิฟ ซึ่งโอลิเวอร์ บาร์เร็ท
(ไรอัน โอนีล) นักศึกษาเอก

สังคมศาสตร์ของฮาร์วาร์ด ต้องการยืมหนังสือเพื่อทำรายงาน  เจนนี่กลับปะทะคารมกับเขา แต่ทั้งคู่ก็ได้รู้จักกันในเวลาต่อมา  โอลิเวอร์ชวนเจนนี่ไปดูเขาแข่ง
ฮอกกี้   เจนนี่มักจะแกล้งต่อปากต่อคำยั่วให้โอลิเวอร์โมโหอยู่บ่อยๆ แต่ความสัมพันธ์ของเขาและเธอกลับค่อยๆ คลืบคลานเข้าใกล้คำว่า “คนรัก”
    เจนนี่รู้ถึงความต่างระหว่างเธอกับโอลิเวอร์  ทั้งเรื่องฐานะการเงิน และสถานภาพ

ทางสังคม  เขาคือคุณชายแห่งตระกูลมหาเศรษฐี ส่วนเธอคือหญิงสาวยากไร้คนหนึ่งเจนนี่ตัดสินใจขอทุนไปเรียนต่อที่ปารีส มันคือความหวังเดียวที่มีค่าสำหรับเธอ

เมื่อโอลิเวอร์รู้ว่าเธอจะจากไป เขาขอเธอแต่งงาน สำหรับเขาแล้วไม่มีความต่างใดๆระหว่างคนรักกัน ขอเพียงได้อยู่ด้วยกันและมีความสุข นั่นคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด

สำหรับ “ ความรัก ”  เมื่อเจนนี่รู้ถึงความจริงใจของโอลิเวอร์ สิ่งที่มีค่าสำหรับเธอมันไม่ใช่ทุนเรียนต่อแต่อย่างใด หากแต่มันคือ ความรักที่เขามีต่อเธอ นั่นเอง

   โอลิเวอร์พาเจนนี่ไปพบครอบครัวของเขาที่บอสตัน ทั้งพ่อและแม่ของเขาไม่ยอมรับในความต่างและภูมิหลังของครอบครัวเจนนี่  เมื่อโอลิเวอร์สอบเข้า

โรงเรียนกฎหมายอย่างที่ตั้งใจไว้ เขาบอกกับพ่อเรื่องแต่งงาน แต่พ่อของเขา

ปฏิเสธและให้รอจนกว่าจะเรียนจบ  โอลิเวอร์ไม่สนใจคำค้านใด เขาตัดสินใจแต่งงานกับเจนนี่ โดยมีคนรอบข้างและพ่อของเจนนี่เป็นพยานในวันแต่งงานเท่านั้น

 

อะไรจะสำคัญเท่ากับคำสัญญาของคู่รัก ที่บอกต่อกันว่า “จะอยู่เคียงข้างกันไป"
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ จะรักและทนุถนอมกันและกัน จนกว่าความตายจะพรากไปจากกัน”ทั้งคู่ใช้ชีวิตสามีภรรยาอย่างมีความสุขด้วยกัน แม้จะยากลำบากอยู่บ้าง  เจนนี่เป็นครูสอนร้องเพลงให้เด็กๆ  ส่วนโอลิเวอร์รับจ้างทำงานทุกอย่างเมื่อเขาว่างจาก

การเรียน ครอบครัวของโอลิเวอร์มีการ์ดเชิญให้เขาไปร่วมงานวันเกิดครอบรอบ60 ปี ของพ่อ  แต่โอลิเวอร์คิดเสมอว่าพ่อคือจอมบงการ  บัญชากำหนดชีวิตคนอื่น


มาตลอด  เขาจึงไม่ลงรอยและขัดแย้งกับพ่อของเขาเสมอ  แม้เจนนี่จะพยายามสานสัมพันธ์พ่อลูกคู่นี้อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้โอลิเวอร์โมโหและพูดกับเธอ

ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง จนเจนนี่วิ่งหนีออกจากบ้าน โอลิเวอร์วิ่งตามหาเจนนี่ทุกที่ที่คิดว่าเธอจะไป  เขาพบเธอนั่งร้องไห้รออยู่หน้าบ้าน โอลิเวอร์รู้สึกผิด เขาบอกเธอ

ว่าเสียใจ แต่เจนนี่บอกกับเขาว่า “ความรัก ... ไม่มีวันต้องพูดคำว่าเสียใจ”

   เมื่อโอลิเวอร์จบจากโรงเรียนกฎหมายเขาได้เป็นทนายอย่างที่ตั้งใจไว้ ทำให้ทั้งคู่ก้าวข้ามความยากลำบาก และมีชีวิตที่ดีขึ้น  ทั้งโอลิเวอร์และเจนนี่แพลนที่จะ


มีลูกด้วยกัน แต่ผลการตรวจร่างกายทำให้โอลิเวอร์ช็อค เมื่อหมอบอกกับเขาว่าเจนนี่ป่วยหนัก และเธอกำลังจะตาย สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือทำตัวปรกติ


ต่อหน้าเธอ แม้จะอยู่ภายใต้ความกดดันจากข่าวร้ายที่เขากำลังจะเสียเธอไปเจนนี่รู้ความจริงเกี่ยวกับโชคชะตาอันโหดร้ายที่โถมใส่ชีวิตของเธอ  เธอพยายาม

เข้มแข็งและบอกให้โอลิเวอร์เข้มแข็งด้วยเช่นกัน  และมากกว่านั้น เขาจะต้องอยู่อย่างมีความสุขให้ได้เมื่อเธอจากไป แม้ความจริงรอบข้างจะโหดร้ายเพียงใด ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป โอลิเวอร์และ

เจนนี่ใช้จ่ายวันเวลาที่เหลือ เติมเต็มความรักที่มีต่อกัน  เมื่อเวลาผ่านไปลูคีเมีย คุกคามเจนนี่อย่างหนัก หมอบอกว่าเจนนี่ต้องรับการผ่าตัดและมีค่าใช้จ่ายสูง   โอลิเวอร์ตัดสินใจยอมเสียศักดิ์ศรีเพียงเพื่อขอยืมเงินจากพ่อของเขา

แต่เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาลหมอบอกกับเขาว่าเป็นเวลาสุดท้ายของเจนนี่แล้ว วินาทีนั้นมันเร็วเกินไปสำหรับเขาที่จะทำใจได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอต้องจากไปก็ตาม

โอลิเวอร์กอดเจนนี่ไว้ในอ้อมแขนของเขาจนลมหายใจสุดท้ายโอลิเวอร์ไม่เคยศรัทธาในพระเจ้า แต่เขามั่นคงในความรัก และเชื่อในถ้อยคำ
ของเจนนี่หญิงสาวอันเป็นที่รักเสมอว่า

“ความรัก ... ไม่มีวันต้องพูดคำว่าเสียใจ”
Love means never having to say you’re sorry …

เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดยmenmenn

รายการบล็อกของฉัน

ค้นหาบล็อกนี้